พาแมวไปอยู่ด้วยต่างประเทศ ต้องทำอย่างไร (หมาและแมว)
เราจะนำประสบการณ์ที่เรานำน้องเหมียวชื่อหนูเลิฟมาอยู่ที่ต่างประเทศด้วยกัน ด้วยความที่เจ้าของต้องย้ายมาอยู่ที่เยอรมัน และปกติตอนอยู่ที่เมืองไทย เจ้าของเลี้ยงหนูเลิฟอยู่แต่ในคอนโดยาวนานมาเกือบ 10 ปี จะให้ทิ้งเขาไว้ที่บ้านหรือให้ครอบครัว ให้เพื่อนเลี้ยงเราก็ทำไม่ลง ถึงขนาดที่ว่าเพื่อนสนิทบางคนเอ่ยว่าอย่าเอาไปเลยสงสารน้องเด๋วจะดูแลให้ แต่เลี้ยงเขามาแต่เล็กทิ้งเขาไม่ได้ ดังนั้นเราก็เลยหาข้อมูลเลยพาไปด้วยกันเลย
1. สัตว์ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 4 เดือนและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ทั้งนี้น้องเหมียวของเราไม่เคยขาดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ มาตั้งแต่เด็กและแข็งแรงมาก
2. จากนั้นก็พาน้องเหมียวน้องหมาไปฝังชีพที่คลีนิคที่รับฝังชีปโดยเฉพาะ และมีใบรับรองการฝังไมโครชีปจากคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ที่ได้มาตรฐานในประเทศไทย และนำใบ Certificate of Ownership ใบนี้มา เราต้องขอมาสำคัญนะคะ ให้ทางโรงพยาบาลออกให้
3. หลังจากนั้นหนึ่งเดือนก็ให้นำน้องเหมียวของเราไปตรวจเลือด หากไปประเทศในกลุ่มอียู มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นห้องแลปที่ได้รับการรับรองโดยกลุ่มประเทศอียูเท่านั้น ส่วนน้องเหมียวของเรานั้นได้ส่งผลเลือดน้องไปตรวจที่แลปประเทศเยอรมัน ซึ่งทางโรงพยาบาลบางที่รับทำรื่องส่งไปแลปที่รับตรวจที่เยอรมัน และรอจนผลเลือดจากแลปที่เยอรมันออกมาว่าผลเลือดของน้องแมวผ่านแล้ว ให้เรารออีก 3 เดือน จึงจะพาน้องเหมียวเดินทางไปได้
4. พักช่วงระหว่างที่รอสามเดือนก่อนจะเดินทาง มาที่การจองตั๋วเครื่องบินโดยนำน้องเหมียวเดินทางขี้นเครื่องบินนั่งไปกับเราด้วย ทั้งนี้สายการบินที่เราตัดสินใจนำน้องไป แต่ก่อนเคยบินการบินไทย แต่ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ทางสายการบิน แจ้งว่าน้องเหมียวของเราต้องโหลดอย่าวเดียว ทางสายการบินไม่มีนโยบายให้นำน้องขึ้นเครื่องไปด้วย เราจึงไปดูที่สายการบินลุฟฮันซ่า เมื่อดูกฏระเบียบสามารถนำน้องขึ้นเครื่องบินไปได้ กรงก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่สายการบินระบุไว้ เราจึงตัดสินใจที่จะไปสายการบินนี้ ดังนั้นทางสายการบินระบุว่ากรงกับน้องเหมียวที่นำขึ้นเครื่องไปด้วยหนักไม่เกิน 8 กิโล ดังนั้นในช่วงเวลาที่รอเดินทางไปนี้เราจึงไปหาซื้อกรง และก็ให้ทางเอเจ้นของสายการบินลุฟฮันซ่าจองให้เลย เพราะเขาจะทำการจองวันที่เราจะไปและจองในส่วนของน้องเอาขึ้นเครื่องไปด้วย ซึ่งในแต่ละวันที่ไปสายการบินระบุให้นำขึ้นเครื่องได้วันละ 3 ตัวเท่านั้น ดังนั้นเพื่อความสะดวกเราเลยให้เอเจ้นเช็คและจัดการให้ โดยเราต้องรู้วันที่แน่นอนว่าเราจะบินไปวันไหน
5. ก่อนจะเดินทางระยะเวลาพอสมควรกับที่ได้ดูไว้ ให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมสำเนาและรับรองสำเนาถูกต้องมาด้วย
- เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในใบรับรองการฉีดวัคซีนนั้นต้องมีชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรของสถานพยาบาล ตราประทับ และเลขใบอนุญาตการบำบัดโรคสัตว์ ต้องมีรายละเอียดชนิดวัคซีน เลขที่ วันหมดอายุ) อาคารคลัง
- สำเนาพาสปอร์ต บัตรประจำตัวประชาชนของเราที่เดินทางไป นำมายื่น และกรอกแบบฟอร์มที่ด่านกักกันสัตว์
6. ที่ด่านกักกันสัตว์ที่สุวรรณภูมิ เขตปลอดอากร อาคารคลังสินค้าขาออก ชั้น 1 ช่อง 20 โทร 02-134-0731-2 เปิด 08.30-16.30 ทุกวันทำการยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วันก่อนเดินทางต้องนำ(สัตว์ทำความสะอาดก่อนมาทำการตรวจ ปราศจากพยาธิภายนอก และโรคผิวหนังต่างๆ )ที่จะพาออกไป
สัตว์แพทย์ของที่ด่านฯ ตรวจสุขภาพพร้อมรับเอกสารใบอนุญาตินำออก และเอกสารรับรองสุขภาพสัตว์พร้อมชำระค่าธรรมเนียม
ก่อนถึงวันเดินทางน้องแมวต้องอดอาหาร
ในวันที่เดินทางมาที่เค้าเตอร์เช็คอินให้เรานำเอกสารทั้งหมดที่ได้ไปยื่นและอย่าลืมเอาสมุดที่ฉีดวัคซีนตัวจริงติดตัวไปด้วย พร้อมทั้งเสียค่าพาน้องขึ้นไปด้วยอีก 100 usd ทั้งนี้ในเคทของเราที่นำน้องเหมียวไป ส่วนน้องหมาต้องลองคุยกับเอเจ้นสายการบินลุฟฮันซ่าดูว่าเขามีอะไรเพิ่มเติมหรือแนะนำไหม
------ข้อแนะนำที่ไม่ควรกระทำ เจ้าของทำและผิด นั่นคือจะเดินทางไฟล์ห้าทุ่มกว่า ในวันเดินทางช่วงเช้าถึงเที่ยงด้วยความที่สงสารได้ทิ้งอาหารให้น้องกินจนบ่ายสามก็เลยเลิกให้อาหาร จากนั้นเจ้าของได้ใส่ที่รองฉี่ไว้ในกรง ใส่เสื้อผ้าให้น้องเหมียวไว้กันหนาว พอนำน้องขึนเครื่องน้องเหมียวน่ารักและไม่มีเสียงร้อง ได้นำน้องไว้ใต้เบาะที่เรานั่งอยู่หว่างขาของเจ้าของ
น้องดีมาตลอดทางไม่ร้องและเงียบ จนผ่านไปห้าชั่วโมง น้องมีอาการอยากออกจากกรง ซึ่งดิ้นจะออกจากซิปที่รูดปิดไว้มาก เราเองก็เครียดเป็นอะไร และมองไปที่คนอื่นๆ ก็หลับกันหมดจึงตัดสินใจนำออกมานั่งที่ตักดู ผลที่เจอคือน้องเหมียวเราถ่ายอึออกมา เราตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง เห็นอึน้องติดที่หางกับเสื้อตัดสินใจถอดเสื้อที่ใส่น้องแมวออกมา นำมาเช็ดใส่อึที่ติดหางออกด้วยความรวดเร็ว เพราะกลัวคนที่นั่งข้างๆ ตื่น และได้กลิ่น และนึกขึ้นมาได้ในกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ติดตัวมา เราได้นำถุงถุงซิปเปล่าติดตัวมาด้วย จึงนำเสื้อที่เช็ดอึน้องเหมียวที่ถ่ายใส่ไว้และปิดไว้แน่นไม่ให้กลิ่นออก จากนั้นเช็คกรงไม่มีอึอะไรจึงนำน้องเข้า
น้องก็อดทนอีกนิดก็ดิ้นอยากออกอีก นั่นเพราะน้องอึดอัด และคงอยากกินน้ำ เราก็สงสารเข้าใจนางเลย เอามือลงไปลูปน้องเหมียวเลียมือใหญ่เลย เมื่อเห็นแอร์เดินผ่านจึงได้ขอน้ำเปล่ามาแอบเอาให้น้องกิน สงสารอดน้ำนาน แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
เดินมาที่ด่านขาออกเจ้าหน้าที่เห็นเอกสารครบยิ้มให้ไม่ถามอะไร เราก็ถามกลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด่าน ต้องการเอกสารน้องเหมียวอีกไหมคะ เจ้าหน้าทีใจดีตอบไม่ต้องเสร็จแล้วใช้เวลาแค่ สองสามนาทีเอง ไวมากจนเรานี้แอบดีใจ
อยากบอกเจ้าของที่คิดจะพาน้องเหมียวขึ้นเครื่องอย่าให้อาหารน้องก่อนจะเดินทาง 1 วันแต่น้ำให้ได้ จะดีกว่าเพราะถ้าน้องถ่ายมันลำบากมากเลยคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันคะ ^-^
https://www.youtube.com/watch?v=-1VfWNes0OI
เราจะนำประสบการณ์ที่เรานำน้องเหมียวชื่อหนูเลิฟมาอยู่ที่ต่างประเทศด้วยกัน ด้วยความที่เจ้าของต้องย้ายมาอยู่ที่เยอรมัน และปกติตอนอยู่ที่เมืองไทย เจ้าของเลี้ยงหนูเลิฟอยู่แต่ในคอนโดยาวนานมาเกือบ 10 ปี จะให้ทิ้งเขาไว้ที่บ้านหรือให้ครอบครัว ให้เพื่อนเลี้ยงเราก็ทำไม่ลง ถึงขนาดที่ว่าเพื่อนสนิทบางคนเอ่ยว่าอย่าเอาไปเลยสงสารน้องเด๋วจะดูแลให้ แต่เลี้ยงเขามาแต่เล็กทิ้งเขาไม่ได้ ดังนั้นเราก็เลยหาข้อมูลเลยพาไปด้วยกันเลย
1. สัตว์ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 4 เดือนและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ทั้งนี้น้องเหมียวของเราไม่เคยขาดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ มาตั้งแต่เด็กและแข็งแรงมาก
2. จากนั้นก็พาน้องเหมียวน้องหมาไปฝังชีพที่คลีนิคที่รับฝังชีปโดยเฉพาะ และมีใบรับรองการฝังไมโครชีปจากคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ที่ได้มาตรฐานในประเทศไทย และนำใบ Certificate of Ownership ใบนี้มา เราต้องขอมาสำคัญนะคะ ให้ทางโรงพยาบาลออกให้
3. หลังจากนั้นหนึ่งเดือนก็ให้นำน้องเหมียวของเราไปตรวจเลือด หากไปประเทศในกลุ่มอียู มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นห้องแลปที่ได้รับการรับรองโดยกลุ่มประเทศอียูเท่านั้น ส่วนน้องเหมียวของเรานั้นได้ส่งผลเลือดน้องไปตรวจที่แลปประเทศเยอรมัน ซึ่งทางโรงพยาบาลบางที่รับทำรื่องส่งไปแลปที่รับตรวจที่เยอรมัน และรอจนผลเลือดจากแลปที่เยอรมันออกมาว่าผลเลือดของน้องแมวผ่านแล้ว ให้เรารออีก 3 เดือน จึงจะพาน้องเหมียวเดินทางไปได้
4. พักช่วงระหว่างที่รอสามเดือนก่อนจะเดินทาง มาที่การจองตั๋วเครื่องบินโดยนำน้องเหมียวเดินทางขี้นเครื่องบินนั่งไปกับเราด้วย ทั้งนี้สายการบินที่เราตัดสินใจนำน้องไป แต่ก่อนเคยบินการบินไทย แต่ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ทางสายการบิน แจ้งว่าน้องเหมียวของเราต้องโหลดอย่าวเดียว ทางสายการบินไม่มีนโยบายให้นำน้องขึ้นเครื่องไปด้วย เราจึงไปดูที่สายการบินลุฟฮันซ่า เมื่อดูกฏระเบียบสามารถนำน้องขึ้นเครื่องบินไปได้ กรงก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่สายการบินระบุไว้ เราจึงตัดสินใจที่จะไปสายการบินนี้ ดังนั้นทางสายการบินระบุว่ากรงกับน้องเหมียวที่นำขึ้นเครื่องไปด้วยหนักไม่เกิน 8 กิโล ดังนั้นในช่วงเวลาที่รอเดินทางไปนี้เราจึงไปหาซื้อกรง และก็ให้ทางเอเจ้นของสายการบินลุฟฮันซ่าจองให้เลย เพราะเขาจะทำการจองวันที่เราจะไปและจองในส่วนของน้องเอาขึ้นเครื่องไปด้วย ซึ่งในแต่ละวันที่ไปสายการบินระบุให้นำขึ้นเครื่องได้วันละ 3 ตัวเท่านั้น ดังนั้นเพื่อความสะดวกเราเลยให้เอเจ้นเช็คและจัดการให้ โดยเราต้องรู้วันที่แน่นอนว่าเราจะบินไปวันไหน
5. ก่อนจะเดินทางระยะเวลาพอสมควรกับที่ได้ดูไว้ ให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมสำเนาและรับรองสำเนาถูกต้องมาด้วย
- เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ในใบรับรองการฉีดวัคซีนนั้นต้องมีชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรของสถานพยาบาล ตราประทับ และเลขใบอนุญาตการบำบัดโรคสัตว์ ต้องมีรายละเอียดชนิดวัคซีน เลขที่ วันหมดอายุ) อาคารคลัง
- สำเนาพาสปอร์ต บัตรประจำตัวประชาชนของเราที่เดินทางไป นำมายื่น และกรอกแบบฟอร์มที่ด่านกักกันสัตว์
6. ที่ด่านกักกันสัตว์ที่สุวรรณภูมิ เขตปลอดอากร อาคารคลังสินค้าขาออก ชั้น 1 ช่อง 20 โทร 02-134-0731-2 เปิด 08.30-16.30 ทุกวันทำการยกเว้นวันเสาร์ อาทิตย์ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วันก่อนเดินทางต้องนำ(สัตว์ทำความสะอาดก่อนมาทำการตรวจ ปราศจากพยาธิภายนอก และโรคผิวหนังต่างๆ )ที่จะพาออกไป
สัตว์แพทย์ของที่ด่านฯ ตรวจสุขภาพพร้อมรับเอกสารใบอนุญาตินำออก และเอกสารรับรองสุขภาพสัตว์พร้อมชำระค่าธรรมเนียม
ก่อนถึงวันเดินทางน้องแมวต้องอดอาหาร
ในวันที่เดินทางมาที่เค้าเตอร์เช็คอินให้เรานำเอกสารทั้งหมดที่ได้ไปยื่นและอย่าลืมเอาสมุดที่ฉีดวัคซีนตัวจริงติดตัวไปด้วย พร้อมทั้งเสียค่าพาน้องขึ้นไปด้วยอีก 100 usd ทั้งนี้ในเคทของเราที่นำน้องเหมียวไป ส่วนน้องหมาต้องลองคุยกับเอเจ้นสายการบินลุฟฮันซ่าดูว่าเขามีอะไรเพิ่มเติมหรือแนะนำไหม
------ข้อแนะนำที่ไม่ควรกระทำ เจ้าของทำและผิด นั่นคือจะเดินทางไฟล์ห้าทุ่มกว่า ในวันเดินทางช่วงเช้าถึงเที่ยงด้วยความที่สงสารได้ทิ้งอาหารให้น้องกินจนบ่ายสามก็เลยเลิกให้อาหาร จากนั้นเจ้าของได้ใส่ที่รองฉี่ไว้ในกรง ใส่เสื้อผ้าให้น้องเหมียวไว้กันหนาว พอนำน้องขึนเครื่องน้องเหมียวน่ารักและไม่มีเสียงร้อง ได้นำน้องไว้ใต้เบาะที่เรานั่งอยู่หว่างขาของเจ้าของ
น้องดีมาตลอดทางไม่ร้องและเงียบ จนผ่านไปห้าชั่วโมง น้องมีอาการอยากออกจากกรง ซึ่งดิ้นจะออกจากซิปที่รูดปิดไว้มาก เราเองก็เครียดเป็นอะไร และมองไปที่คนอื่นๆ ก็หลับกันหมดจึงตัดสินใจนำออกมานั่งที่ตักดู ผลที่เจอคือน้องเหมียวเราถ่ายอึออกมา เราตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง เห็นอึน้องติดที่หางกับเสื้อตัดสินใจถอดเสื้อที่ใส่น้องแมวออกมา นำมาเช็ดใส่อึที่ติดหางออกด้วยความรวดเร็ว เพราะกลัวคนที่นั่งข้างๆ ตื่น และได้กลิ่น และนึกขึ้นมาได้ในกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ติดตัวมา เราได้นำถุงถุงซิปเปล่าติดตัวมาด้วย จึงนำเสื้อที่เช็ดอึน้องเหมียวที่ถ่ายใส่ไว้และปิดไว้แน่นไม่ให้กลิ่นออก จากนั้นเช็คกรงไม่มีอึอะไรจึงนำน้องเข้า
น้องก็อดทนอีกนิดก็ดิ้นอยากออกอีก นั่นเพราะน้องอึดอัด และคงอยากกินน้ำ เราก็สงสารเข้าใจนางเลย เอามือลงไปลูปน้องเหมียวเลียมือใหญ่เลย เมื่อเห็นแอร์เดินผ่านจึงได้ขอน้ำเปล่ามาแอบเอาให้น้องกิน สงสารอดน้ำนาน แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
เดินมาที่ด่านขาออกเจ้าหน้าที่เห็นเอกสารครบยิ้มให้ไม่ถามอะไร เราก็ถามกลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด่าน ต้องการเอกสารน้องเหมียวอีกไหมคะ เจ้าหน้าทีใจดีตอบไม่ต้องเสร็จแล้วใช้เวลาแค่ สองสามนาทีเอง ไวมากจนเรานี้แอบดีใจ
อยากบอกเจ้าของที่คิดจะพาน้องเหมียวขึ้นเครื่องอย่าให้อาหารน้องก่อนจะเดินทาง 1 วันแต่น้ำให้ได้ จะดีกว่าเพราะถ้าน้องถ่ายมันลำบากมากเลยคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันคะ ^-^
https://www.youtube.com/watch?v=-1VfWNes0OI
รบกวนขแชื่อสถานพยาบสลที่จะพาแมวไปหาหน่อยได้มั่ยคะ ไปหาที่ รพ.สัตว์ทองหล่อ แพงมากเลย
ตอบลบรบกวนสอบถามค่ะ อยากทราบชื่อโรงพยาบาลค่ะ ตั้งใจจะเอาน้องไปเหมือนกันค่ะ
ตอบลบWangmuens@gmail.com ชื่อ มด นะคะ ขอบคุณค่ะ