ลุยเวียดนามด้วยตัวเอง ตอนเข้าเมือง ดานัง

สวัสดีคะก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองนิดนึง เราเป็นคนชอบเดินทางและฝันว่าอยากเดินทางไปทั่วโลก ทริปแรกของเราเลยเดินทางไปประเทศเวียดนาม รายละเอียดอาจไม่มีมากนักเพราะไม่ได้บันทึกไว้แต่ครั้งแรก เพิ่งนำความทรงจำเก่าๆ กับมาบันทึกอีกครั้งและหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ท่านอื่นที่รักการเดินทางเหมือนกัน ^-^

ทริปนี้ได้จองตั๋วถูกของ แอร์เอเซีย เราได้วางแพลนเที่ยวชิวๆ ที่เวียดนามประเดิมทริปแรก บินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่เมืองโฮจิมินทร์ ประเทศเวียดนาม ออกเดินทางวันที่ 25/04/08 เวลา 15.50 โดยสายการบินแอร์เอเซียมีบินไปถึงโฮจิมินทร์เลย  จากนั้นก็ต่อเครื่องของสายการบินเวียดนาม ต่อไปลงเมืองดานังประเทศเวียดนาม  แต่ด้วยความที่เราชิวจัด และบวกกับไม่เคยขึ้นเครื่อง  ทำให้ไปขึ้นเครื่องไม่ทัน และลืมคิดว่าที่กรุงเทพรถติดมาก ก็เลยตกเครื่องไปโดยปริยาย ทำให้ทุกอย่างพังหมด นี่ก็เป็นบทเรียนราคาแพง  เพราะต้องเสียทั้งเรื่องเที่ยวบินที่เวียดนาม และ ค่าตั๋วแอร์เอเซียอีก ซึ่งทริปนี้วางแพลนไป 3 คืน 4 วัน ก็หมดไปแล้ว 1 วัน.......... สถานการณ์ตอนนี้ สุดเซ็งเกินบรรยาย เครียด ค่าเสียหายยับ ชะล่าใจเกินไป 555

มาต่อกันวันที่ 2
ทั้งเปลี่ยนแพลนกันให้ยุ่ง  แถมต้องจองตั๋วไปในราคาที่จัดว่าไม่แพงใน ปี 2548 แต่สำหรับเราก็แพงพอดู ถ้าเทียบกับแอร์เอเซีย เราได้สายการบิน แอร์ฟารนซ์  ในราคา 6900 บาท ต่อเที่ยว ซึ่งมีบินไปลงที่โฮจิมินทร์เช่นกัน เนื่องจากแอร์เอเซียวันถัดไปไม่มีบินก็ต้องเอา เพราะถ้าไปเลือกของสายการบินไทยก็แพงหูฉี่ สุดท้ายก็ต้องยอมจ่ายค่าเสียหายไปอีก เราก็ได้บินในช่วงบ่าย ทีนี้ไม่มีตกเครื่อง เพราะให้เพื่อนซี้ที่ทำงานข้างใน ไปส่งถึงตอนขึ้นเครื่อง แต่ก็ต้องเครียดกับการไปถึงเมืองโฮจิมินทร์อีก  



มาถึงประเทศเวียดนาม ณ เมืองโฮจิมินทร์
สายการบินแอร์ฟรานซ์มาถึง ที่โฮจิมินทร์ เวลา 15.30 หรือเปล่าจำไม่ได้ แต่ที่จำได้ คือ ต้องต่อเครื่อง จากสายการบินเวียดนามไป ลงเมืองดานัง ซึ่งเราก็มีตัวไฟล์นั้น และเครื่องจะออกเวลา 16.00  ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่สุดๆ อีกครั้ง เพราะทุกอย่างจะต้องทำให้ไวที่สุด และออกจากด่านตรวจให้เร็วเพื่อไปต่อเครื่อง ถ้าช้าเกินไปอาจจะตกเครื่องได้เป็นครั้งที่สอง 

ด้วยความที่ภาษาไม่ค่อยได้เลย บวกกับการเดินทางครั้งแรกคนเดียว ทำให้สื่อสารกับชาวเวียดนามไม่ค่อยได้ แต่ก็เจรจาจนผ่านด่านมาได้ และต้องวิ่งออกไปยังอีกด้านของเทอมินอลแรก เพื่อไปต่อเครื่องในประเทศ (ตอนนี้วิ่งหัวตั้งกันเลยทีเดียว) ในใจก็คิดว่าฉันจะตกเครื่องอีกไหมนี่

เมื่อมารอต่อเครื่องใจก็ภาวนาขออย่าให้ เครื่องออกไปเลย เมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ โชคเข้าข้างพระเจ้า วันนี้เครื่องเสียเวลา โชคยังดีเพราะตอนแรกเล่นเอาใจไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว เวลาก็มีน้อยมากถือเป็นบทเรียนราคาแพง เพราะสำหรับการตกเครื่องในครั้งแรก เรารอเครื่องไปเกือบชั่วโมงจึงได้ขึ้นใช้เวลาในการเดินทางจาก โฮจิมินทร์ไป เมืองดานังเป็นเวลา หนึ่งชั่วโมง สามสิบ นาที (01.30)  ก็ไปถึงดานังก็ราวๆ ห้าโมงเย็นเกือบหกโมง ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ใหญ่มากเราก็ออกไปหาโรงแรม ที่นี่มีรถรับจ้างรอที่สนามบินเยอะ เราสามารถจะติดต่อไปยังโรงแรม หรือ สถานที่ๆ เราต้องการไปได้ แต่ที่สำคัญ ต้องระวังเรื่องกระเป๋าสตางค์มากๆ เพราะอาจโดนล้วงได้ เนื่องจากเคยได้อ่านว่ามีมิจฉาชีพเยอะ ที่สำคัญพวกนี้มือไวมากกกกกกกกกกก

คืนแรกที่พัก เท่าไรจำไม่ได้ แต่เมื่อได้ที่พักแล้วเราก็ออกเดินทางไปหาอะไรหม่ำแถวๆ ที่พัก เดินไปเรื่อยๆ ก็มีร้านค้ามีของขายใกล้ๆ โรงแรมอ่อ ต้องระวังในเรื่องของรถมอเตอร์ไซด์มากๆ เพราะรถเยอะมากแบบไม่มีไฟแดงเพราะพวกเค้าจะขี่ย้อนศรหรืออยากจะเลี้ยวก็ เลี้ยวเลย อันตรายสุดๆ ^-^ 
     ถ่ายพนักงานต้อนรับที่โรงแรมซะหน่อย

เช้าวันที่สองของเมืองดานัง
ก็บอกแล้วว่ามาชิวๆ เพราะงั้นข้อมูลไรไม่มี มีแต่มาสำรวจว่าบ้านเมืองเขาเป็นอย่างไร เช้าวันนี้ได้คิดว่าจะไปดูทะเลเพราะดานังติดทะเล และขึ้นชื่อว่าทะเลสวยติดอันดับมรดกโลกกันเลยทีเดียว
ทะเลที่นี่จะติดถนนจะว่าสวยไหม เรามองว่าหาดทรายชายทะเลบ้านเราสวยกว่าเยอะ แต่ถ้าว่าวิว ระหว่างหุบเขากับทะเล ต้องยกมือให้ที่เมืองดานัง เพราะทิวทัศน์สวยมากๆ ทีเดียว ไม่แปลกใจที่ว่าติดอันดับมรดกโลก เพราะทะเลของที่นี่ ติดกับหุบเขาและเมื่อมองโดยรวม ไปไกล ช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก บรรยากาศแสงอาทิตย์ รำไร เมฆลอย ระหว่างหุบเขาท้องทะเล เหมือนดังภาพวาด ผู้คนก็ออกมานั่งหาอะไรกินริม หาด เราก็ดื่มด่ำกับความงามของที่นี่ไปพักใหญ่ ก็ตั้งใจว่าจะไปลองชิมกาแฟสดที่ขึ้นชื่อซะหน่อย

เมื่อออกจากชายทะเลก็ไปหากาแฟดื่ม เมื่อหาร้านกาแฟเจอแล้วก็ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้คนที่นี่ มองเราเหมือนเป็นคนแปลก มองกันตลอดทาง ก็ได้ถามคนที่นี่ดูจึงได้รู้ว่า ที่คนเขามองเพราะเค้าไม่นุ่งกางเกงขาสั้นกัน เวลาออกจากบ้านจะใส่ขายาวดังนั้นเมื่อเราใส่ขาสั้นไปจึงกลายเป็นที่แปลกตา สำหรับคนที่นี่ และพวกเขาจะรู้ว่าไม่ใช่เป็นคนประเทศเวียดนาม วัฒนะธรรมของที่นี่ยังไม่เปิดมากนักในเรื่องการแต่งตัว หลังจากได้ดื่มกาแฟเวียดนาม ต้องยอมรับว่ากาแฟที่นี่อร่อยมาก รสชาติเข้มถูกใจ จึงได้รู้ว่าที่นี่นิยมกินกาแฟสดกันมากแบบเนสกาแฟบ้านเราหาซื้อไม่ค่อยได้ ชาวเวียดนามตอนเช้าจะออกมานั่งดื่มกาแฟและกินเฝอกัน เราเองก็พลาดไม่ได้สำหรับการกินเฝอที่ขึ้นชื่อในเวียดนาม หรือเรียกง่ายๆ คือ ก๋วยเตี๋ยวในบ้านเรา

ตกค่ำวันนี้แวะโฉบเชี่ยวผับเมืองดานัง อีกคืนเพราะอีกวันต้องเดินทางกลับแล้วเข้าไปดูคนที่นี่ร้องเพลงกันบ้าง 555+ ก็เข้าไปในผับที่นี่คนเยอะมาก คนที่นี่จะนิยมดื่มเบียร์กัน แต่ถ้าเป็นเหล้าเหมือนบ้านเรา ที่นี่จะขวดเล็กกว่าและแพงมากทีเดียว คิดว่าเคงเป็นเฉพาะในผับ เพราะดานังค่าเงินเขาถูกกว่าเราเยอะ แต่เขาเห็นเราเป็นชาวต่างชาติ ก็คงเป็นปกติที่จะคิดแพง เพราะจะคิดเลทเดียวกับฝรั่ง ซึ่งค่าเงินของเมืองดานังจะถูกกว่าลาว และค่าเงินประเทศลาวจะถูกว่าไทย แต่ต่างกันที่ของขาย เพราะถ้าเป็นบ้านเขาราคาสินค้าของเขาหรือขายให้คน ประเทศเขาจะขายราคาเวียดนาม แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ ก็จะขึ้นราคาไปโดยปริยาย ><
แต่ดิฉันก็คิดว่าไหนๆ จะมาเที่ยวแล้วก็ยอมลงทุนหน่อย ทริปนี้อาจแพงไปเยอะมากเพราะด้วยความผิดพลาด ก็ได้ แต่ก็เป็นบทเรียนดีทีเดียวว่าควรเตรียมตัวให้พร้อมและไปให้ทัน 

วันที่สาม

วันนี้ก็เตรียมตัวเดินทางกลับก่อนกลับก็ แวะไปโฉบเชี่ยวซื้อขนมที่บิ๊กซีเมืองดานัง ใครว่าบิ๊กซีมาไม่ถึง ที่นี่มีบิ๊กซีไปถึงแล้วคะ เราก็อดไม่ได้ที่จะไปเหยียบ แถมซื้อกาแฟสดกลับไทย ขากลับก็ไปที่สนามบินดานังและขึ้นเครื่องย้อนไปลงที่เมืองโฮจิมินทร์ และจากเมืองโฮจิมินทร์ก็ไปสุวรรณภูมิ ขากลับนี่ค่อยยังชั่วหน่อย มีเวลาเหลือรอขึ้นเครื่องต้อง 2-3 ชั่วโมงทีเดียว 
บ๊ายบาย เมืองดานัง ณ ประเทศเวียดนาม 

ความคิดเห็น

  1. มือใหม่หัดเขียน ^-^

    ตอบลบ
  2. สวัสดีค่ะ ชื่อเก๋ค่ะ
    กำลังคิดจะไปเที่ยวที่เวียดนามแบบแบคแพ็คค่ะ กำลังหาข้อมูลอยู่
    พอดีเจอบล็อคของคุณชอบมากค่ะ เก่งมากเลยที่กล้าเดินทางคนเดียว

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณเก๋ ที่เข้ามาเม้นท์นะคะ มีกำลังขึ้นมากเลย ถ้าไปคนเดียวได้ก็เก่งคะ เรานะตอนนั้นภาษาก็ไม่แข็ง แต่ก็คิดว่าสักครั้งในชีวิต น๊าาา ^-^

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น