เที่ยวปาย เชียงใหม่ ในวันปีใหม่

เที่ยวปาย - เชียงใหม่ ในวันปีใหม่ 31-4 /01/58

     ทริปนี้เรามีแพลนไปเที่ยวปีที่ปายใหม่โดยรถทัวร์ และกลับโดยรถทัวร์เช่นกัน โดยเดินทางในวันที่  31 ธันวาคม 2557  และกลับ ค่ำในวันที่  4  มกราคม  2558

      ก่อนเดินทางได้จองรถทัวร์ปรับอากาศของสมบัตรทัวร์ ป.1 กรุงเทพ - เชียงใหม่ ได้ในราคาที่ 563  บาท  จองไป-กลับ ตกราคาที่  1126  บาท

     ส่วนที่พักได้จองออนไลน์ไว้แล้ว  ของที่บ้านอารมณ์ปาย ในราคา คืนละ  900 บาท เราจองไป 2 คืน ก็ราคา  1800  บาท ที่จองไปแบบนี้เพราะเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ที่พักอาจเต็มได้  และอีก 1 คืนเรากะไปพักที่เชียงใหม่ โดยไม่ได้ ระบุว่าจะไปพักที่ไหน งานนี้ตั้งใจเดินหาเอา  มาเริ่มเดินทางกันเลย 

 31 /12/14  วันนี้เราเดินทางไปขึ้นรถทัวร์ที่สมบัติทัวร์ ตรงวิภาวดี ตรงข้ามโรงเรียนหอวัง  เมื่อไปถึงเราไปออกตั๋วไว้ก่อน เพราะก่อนหน้านี้เราได้จองออนไลน์แล้วจ่ายเงินไปแล้ว เพียงแต่ว่าก่อนเดินทางเราต้องไปออกตั๋วจริงก่อนรถออกครึ่งชั่วโมง

หน้าเค้าเตอร์ออกตั๋วรถ


เขาถึงแล้วนะแชะรูปสองสาวก่อนออกเดินทาง ^-^

     เมื่อได้เวลารถมาเราก็รีบไปขึ้นรถทัวร์ รถทัวร์เป็นที่นั่งสองชั้น  ขอแนะว่าถ้าอยากนั่งสบาย รีบจองและระบุที่นั่งขอเป็นชั้นล่าง แถวหน้าเลย เพราะจะได้เหยียดขาได้สบาย  ระหว่างออกเดินทาง เจ้าหน้าที่บริการบนรถก็นำขนมปัง น้ำผลไม้ น้ำเปล่ามาแจก  และเมื่อเดินทางไปถึงระหว่างทาง ไม่แน่ใจว่านครสวรรค์หรือเปล่า เวลาประมาณ ตีหนึ่งกว่าๆ ได้ รถทัวร์ก็จะหยุดพักให้ลงไปเข้าห้องน้ำ หรือทานข้าวได้ 10 นาที  ตรงจุดจอดรถของสมบัตทัวร์ เราสามารถนำตั๋วที่เรามีไปแลกข้าวหรือนมก็ได้  จากนั้นก็กลับมาขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อ ในตอนเช้า เจ้าหน้าก็ยังนำกาแฟ 1 กล่องมาแจกอีก หืมม ของกินอื้อเลยกับราคา  563 บาทประทับใจจริงๆ คะ

     เรามาถึงขนส่งอาเขตที่เชียงใหม่ ราวๆ หกโมงกว่าๆ เกือบเจ็ดโมงได้  จากนั้นเรากับเพื่อนก็เดินข้ามไปขนส่งเก่า ตรงนี้จะมีคิวรถตู้ไปอำเภอปาย กันคะ ค่าตั๋วราคา  150 บาทต่อเที่ยว ไป-กลับ ก็ 300 บาท แนะว่าซื้อจองตั๋วไปกลับจะดีกว่ากรณีไปช่วงเทศกาลจะได้มีที่นั่งไม่ต้องไปคอยต่อคิว หรือเสียเวลารอ  เราไปถึงเช้า ได้ตั๋วเที่ยวตอนเช้าออก รถเวลา 07.40 นาที เราให้รถไปส่งที่ท่ารถตู้ในอำเภอปลายเลยคะ ตรงนี้จะเป็นศูนย์กลาง ของ ที่พัก ของกิน ถนนคนเดิน แถมมีที่เช่ารถมอเตอร์ไซด์ทุกอย่างง่ายสำหรับคนไม่มีรถ หรือเดินทางแบบแบ็คแพ็ค  เรามาถึงที่นี่ราวๆ เวลาห้าโมงเช้ากว่าๆ

ด้านหลังสาวแบ็คแพ็คในถนนคนเดิน เช้าวันแรกที่มาถึง

จากนั้นเราได้เช่ารถมอเตอร์ไซด์ที่ร้านเดือนเด่น เลยขนส่งไปนิดนึง ราคาค่าเช่ารถก็ราคา 140 บาท เมื่อได้รถพร้อมหมวกกันน็อคแล้ว  เราจึงได้โทรติดต่อไปยังรีสอร์ท บ้านอารมณ์ปายเจ้าหน้าที่ทางนั้นมาขอโทษเราใหญ่ยกใหญ่ เหตุเพราะว่าได้จองที่พักซ้ำซ้อนไปแล้ว  อ้าววว ไหงเป็นงั้น แต่เค้าก็รับผิดชอบโดยจองที่พักใหม่ให้เราเป็นที่พัก  บันนี่ปาย และแจ้งราคา 1500  ต่อคืน ส่วนต่างเค้าจะชดเชยออกให้  เราก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร ก็ตกลงโอเคคะ จากนั้นเราก็ขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปยังที่พักบันนี่ปาย  ที่พักบันนี่ปายอยู่ตรงข้ามกับคอฟฟี่อินเลิฟ หาไม่ยากเลยคะ มาดูหน้าที่พักกันคะ

 ด้านหน้ามีลานกว้างๆ สำหรับจุดกางเต้นท์ ที่นี่มีบริการให้เช่าเต้นท์ด้วย

หลังนี้คือบ้านพักของเรา มีที่นอน ทีวี และก็น้ำอุ่นถามว่าอุ่นไหม ไม่อุ่นหรอกคะแต่เราก็อยู่ได้


หลังจากเข้าที่พักกันเรียบร้อยแล้ว  เราสองคนกับเพื่อนก็ตกลงกันว่าเราจะไปหาขนมกาแฟ เติมพลังในเที่ยงวันนี้กันที่คอฟฟี่อินเลิฟ ขี่มอเตอร์ไซด์ไปนิดเดียวถึงละ

ถึงละคนเยอะจุงเบย

แต่ละคนที่มากก็อยากมานั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศกันทั้งนั้น

มุมสวยๆ ยอดนิยม ^-^ 
เซตนี้โอมะคะ เค้กกับกาแฟเอสเปรสโซ่ เพิ่มดีกรีแรงๆ หน่อย คิคิ

เค้กกาแฟ

วิวสวยๆ

และบ้านเหลือง

ดื่มด่ำบรรยากาศถ่ายรูปกันเพลินทีเดียวที่นี่  เพราะมีดอกไม้สวยๆ เยอะและวิวทิวทรรศ์ก็แจ่ม บรรยากาศก็ดีอากาศเย็นๆ หนาวๆ 14 องศาสดชื่นกันเลยทีเดียว ไม่เหนื่อยคะ เราสนุกถ่ายรูปเล่นกันเรื่อยๆ จากนั้นเมื่อเต็มอิ่มกับพื้นที่ตรงนี้แล้ว  เรากับเพื่อนก็เดินทางต่อ ย้อนไปทางที่รถตู้พาเรามาไปเก็บสะพานประวัติศาสตร์ ที่จริงแล้วการมาปายเรากลับมาเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกไม่ได้รีวิว แต่มาคราวนี้ตั้งใจจะมาพาเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยไป และอยากไปแบบประหยัดลองมาเที่ยวกันไปไม่ยากอย่างที่คิด 






จากนั้นเราก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวสะพานประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 The 2 nd world war bridge  กันต่อ  คนมาเที่ยวกันเยอะมาก เดินชนกันตลอดกว่าจะได้แต่ละภาพมาต้องรีบกดไวๆ รัวๆ กันเลยทีเดียว ^-^

สะพานประวัติศาสาตร์
ตรงมีบริการถ่ายรูปกับน้องๆ และนั่งบนรถสามล้อถ่ายรูปให้เงินค่าขนมเด็กๆ


ผู้คนต่างแวะมาถ่ายรูปกับสะพานโบราณกัน

สะพานประวัติศาสาตร์
พวกเราถ่ายรูปเก็บเกี่ยวความสุขบนสะพานประวัติศาสตร์เสร็จแล้ว  และเห็นว่าอากาศไม่ได้ร้อนอะไรมากมาย ก็เลยคิดว่าค่อยๆ ขี่รถชิวๆ ไปต่อที่ปายแคนยอนกันต่อ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบ เพราะตั้งใจมาเที่ยวพักผ่อนแบบสบายๆ ยอมรับว่าปีนี้อากาศเย็นดีทำให้มีแรงลุยต่อ เราขี่ไปเรื่อยๆ ไม่นานก็มาถึงปายแคนยอน  สำหรับคนที่กลัวหลง รับรองไม่หลงคะ ขอแผนที่เขามาก็ได้ แต่ระยะทางแต่ละที่ก็วนกลับจากสะพานประวัติศาสาตร์ไปยังตัวเมืองปาย  เดี๋ยวก็เจอป้ายบอกทางเข้าปายแคนยอน



ถ่ายรูปคู่ป้ายหน่อย ^-^
จากนั้นเราสองสาวก็เริ่มเดินขึ้นไปที่ปายแคนยอนกัน ระหว่างทางก็เป็นดังนี้


หายเหนื่อยเลยคะ

ช่วงเวลานี้น่าจะประมาณบ่ายสาม เกือบสี่โมงเย็นได้ เราจึงนั่งเล่นพักเหนื่อยกดมือถืออัพรูปกันสนุกสนานกันใหญ่  และเมื่อเห็นว่าเวลากำลังพอดี จึงไปเที่ยวน้ำตกแพมบกกันต่อ การไปน้ำตกแพมบกก็แค่ขี่รถย้อนกลับไปที่อำเภอปายเหมือนเดิม เป็นเส้นทางกลับที่พักพอดีคะ จากนั้นเมื่อผ่านไปจะเห็นป้ายให้เลี้ยวไปน้ำตกแพมบก เราก็ขี่เข้าไปตามเส้นทาง  

น้ำตกแพมบก




เรามาถึงที่นี่ก็มีชาวต่างชาติ ใจกล้ามากระโดดเล่นน้ำตกทั้งที่อากาศหนาวๆ เย็นๆ  และน้ำก็เย็นมากกก นี่ถ้าอากาศร้อนเราคงกระโดดเล่นกับพวกเขาด้วย แต่ไม่ไหวคะ ขอยอมแพ้แค่เอาเท้าลงไปแช่ก็แข็งจะแย่ละ งานนี้ขอบาย เรานั่งเล่นที่นี่กันจนเย็น และก็เดินทางกลับที่พัก บันนี่ปาย ตอนค่ำๆ ภารกิจเรายังไม่จบ เราแวะไปเดินถนนคนเดินกันต่อ  เอ้าาาาา ต่อถนนคนเดินกันเลย  การไปถนนคนเดินก็ที่เดิมที่เราไปลงรถตู้และเช่ามอเตอร์ไซด์วันนี้เอง ขี่รถย้อนกลับไปทางเก่าทั้งนั้น



เราเอารถมาจอดที่วัดนี้ จำชื่อวัดไม่ได้ แต่ถ้าคนจะจอดรถก็ต้องเข้ามาที่นี่หมด เพราะในวัดนี้บริการที่จอดรถฟรี เข้าไปจอดได้หากจะมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินคะ



 ถนนคนเดิน

วันนี้เราเดินเที่ยวหาอะไรทานที่ถนนคนเดินกันจนถึงสาม สี่ทุ่มเราก็เดินทางกลับที่พักเพื่อพักผ่อน เสร็จภารกิจ ใน  1  วันถามว่าเหนื่อยไหม ไม่เหนื่อยเลยคะ แต่ง่วงนอนมากกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เที่ยวเล่นทั้งวันแล้ว และก็สนุกกับทุกที่ๆ ไป ได้ถ่ายภาพเพลินเลยทีเดียว

อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่



 เริ่มต้นวันที่สองด้วยอากาศหนาวๆ วันนี้อากาศราวๆ 14 องศาได้ เรามาชมภาพทะเลหมอกไกลๆ ยามเช้าตรู่ที่พัก บันนี่ปายกันคะ 


ทะเลหมอกในระยะไกลๆ


เห็นทะเลหมอกไหมคะ เริ่มจะจางบ้างแล้ว

ทะเลหมอก ใกล้ๆ ที่พัก
เช้านี้เราทานอาหารเช้าที่พักของเรา  และก็มีแพลนว่าจะไปไหว้พระกันที่วัดน้ำฮู้ต่อเลยคะ วันนี้เราออกกันเกือบ 11 โมงเช้า เพราะอยากพักผ่อน นอนชิวๆ ตื่นมาก็ไม่รีบไปเรื่อยๆ บรรยากาศดีๆ ไม่ร้อน และก็มาถึงวัดน้ำฮู้  Nam Hoo Temple


วัดน้ำฮู้

วัดน้ำฮู้  ปาย

ศาลาที่วัดน้ำฮู้

ฝูงเป็ด  น่ารัก
คลิปวัดน้ำฮู


หลับกันหรือยังงงงง  ^-^  คะ มาต่อกันเลย หลังจากไหว้พระขอพรในวันปีใหม่แล้ววว เราก็ไปต่อกันที่ หมู่บ้านจีนยูนนาน  ที่นี่คนเยอะมากเลย  แต่ละคนก็มาหาข้าวทานกันที่นี่บ้างก็มาถ่ายรูปที่หมู่บ้าน จีนยูนนาน  สวยงาม  แถมยังมีกำแพงเมืองจีนจำลองอีก ใครที่ชอบถ่ายรูป  ที่นี่มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยคะ   เที่ยงวันนี้เรากับเพื่อนก็แยกตัวกันไปแชะรูปตามแต่ที่ละคนชอบและค่อยมาเจอกันตอนจะกลับ 

กำแพงเมืองจีนจำลอง

กำแพงเมืองจีนจำลอง
กำแพงเมืองจีนจำลอง
ตามมาดูบรรยากาศภายในหมู่บ้านจีนยูนนานกันคะ

บรรยากาศภายในหมู่บ้านจีนยูนนาน คนเยอะมาก
หลายคนมาท่องเที่ยวในวันปีใหม่ที่นี่

บ้านจีนยูนนาน

หลายคนมาเล่นกังหันเครื่องเล่นกันสนุกสนาน


หมู่บ้านจีนยูนนาน

เมื่อได้เวลาเรากับเพื่อนๆ ก็ไปต่อกันที่น้ำตก ซึ่งไปไม่ไกลเท่าไหร่ ที่น้ำตกแห่งนี้มีชื่อว่า น้ำตกหมอแปง  Water Fall  ช่วงที่เราไป น้ำตกที่นี่น้ำน้อยมาก แต่ก็ยังพอมีให้เห็น  มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปเที่ยวชมอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก ระหว่างทางที่ไปจะมีโฮมเสตย์หลากหลาย สำหรับชาวแบ็คแพ็ค ถ้าใครอยากมาพักแถวนี้จะชอบกับความสงบเงียบ ห่างไกลผู้คน พักผ่อนได้สบายทีเดียวอยู่กับธรรมชาติ ภูเขา ต้นไม้ และยังมีร้านกาแฟขึ้นชื่อใกล้น้ำตกอีกด้วย   
น้ำตกหมอแปง



เห็นเด็กๆ มาเล่นน้ำกันหลายคนน่าจะเป็นเด็กๆ ทีอยู่แถวนี้เห็นนำจักรยานมาขี่เล่นด้วยแต่น้ำไม่ลึกคะ เพราะวันที่มาน้ำน้อยมาก ตามภาพเลย

น้ำตกหมอแปง
เห็นเด็กๆ เล่นน้ำกันน่าสนุกก็อยากไปเล่นบ้างแต่น้ำมันน้อยเกินไปจริงๆ อย่างมากก็ได้แค่ถ่ายรูปชิวๆ และเดินเล่นเก็บบรรยากาศโดยรอบ  เราก็เลยแพลนว่าอ่าางั้นไปขี่รถเล่นถ่ายรูปริมน้ำปายเป็นโปรแกรมต่อไปกันดีกว่า 
 วิวระหว่างทางวิวระหว่างทาง 
ระหว่างทางเห็นวิวสวยๆ อดแวะจะจอดถ่ายภาพไม่ได้ มันสวยจริงๆ คะ 


ริมน้ำปาย
ระหว่างทางที่เราขี่กลับกำลังจะเดินทางเข้าข้างในเมืองปาย  เราก็มาผ่านริมน้ำปาย ตรงจุดที่เราผ่านมีหลายสถานที่มีรีสอร์ทเล็กๆ เปิดบริการให้เช่าที่กางเต้นท์ หรือ มาเช่าเต้นท์กลางนอนริมน้ำปายก็ได้ แต่คนที่จะมาแถวนี้ต้องมีรถเพราะว่าระยะทางไกลพอสมควร  เราเห็นตามริมน้ำมีหลายคนมานอนพักผ่อนกลางเต้นท์ห่างไกลผู้คนดูแล้วได้ฟีลลิ่งจังเลย

ถ้าสังเกตุจะเห็นตรงจุดนี้มีสะพานข้ามแม่น้ำ แต่ไม่ใช่ตรงสะพานประวัติศาสตร์ และไม่ใช่ตรงจุดชุมชน
หลังจากนั้นพวกเราก็ขี่รถเข้าถนนคนเดินไปจนสุดทางเผื่อไปถ่ายจุดยอดนิยมแถวๆ มาริปาย และเป็นที่ๆ หลายคนนิยมมาถ่ายรูปกัน ที่พักสวยอยู่ริมน้ำปายจริงๆ

วิวสวยๆ ริมน้ำ

แถวนี้ที่พักเยอะมากและมีเต้นท์บริการให้เช่านอนด้วย

รีสอร์ทนี้ติดริมน้ำสวยทีเดียว

มองในมุมเดินข้ามสะพานมาฝั่งตรงข้าม
มุมนี้ทานอาหาร นั่งดื่มกาแฟมองริมน้ำ

  ไปต่อร้าน All About Coffee
บรรยากาศในร้าน
ถ่ายรูปเที่ยวเพลินเลยคะ  เอาละไปหากาแฟบวกกับเค้กกินที่ร้านกาแฟขึ้นชื่อกันดีกว่า  ยังมีอีกร้านที่ขึ้นชื่อที่ปาย  ร้านนี้เก่าแก่ทีเดียวเป็น บ้านอายุ140 ปี  อีกทั้งยังมีภาพวาดสวยๆ หลายภาพ ให้ดูมากมาย ชอบมากเลยคะสำหรับที่นี่ ชื่อร้าน  All about Coffee  ร้านอยู่ตรงทางออกของถนนคนเดินพอดีใกล้สีแยก  ลองถามคนแถวๆนั้นก็ได้คะและร้านจะปิดราวๆ ห้าโมงเย็นเพราะจะมีคนมาตั้งของขายในตอนค่ำๆ เพราะเป็นเส้นถนนคนเดินพอดี  ต้องยอมรับว่าเค้กที่นี่อร่อย กาแฟก็ใช้ได้รสชาดดีทีเดียวคอนเฟิร์ม

เมนูนี้อร่อย  กาแฟ ทางร้านแนะนำกาแฟนัว เราก็เลยสั่งมาชิมพร้อมเค้กกล้วยกับบลูเบอรี่ชีสเค้ก
ภาพวาดเต็มฝาผนังเลยสวยๆ ทั้งนั้น
มุมเบาๆ ดื่มด่ำบรรยากาศ
บรรยากาศบนชั้นลอย ของร้าน
พักผ่อนกันจนไปถึงสี่โมงเย็นได้ เค้ก กาแฟ ก็กินหมดแล้วเตรียมตัวมูฟออกจากร้านไปต่อกันที่บ่อน้ำพุร้อนท่าปาย  การเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อนท่าปาย ไปไม่ยากเลยคะ  จำเมื่อวานที่เราเดินทางไปสะพานประวัติศาสตร์ได้ใช่ไหมคะ  ให้เราย้อนกลับไปทางเดิมเส้นทางเดิมเลย  และขี่รถข้ามสะพานไปไม่ไกลคะ  มองท้างซ้ายมือขี่ไปสักพักจะเจอป้ายบ่อน้ำพุร้อนท่าปาย  เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย  หรือจะเลยไปนิดไปเข้าตรงทางเข้าที่เขี่ยนชื่อรีสอร์ทว่า ปายฮอทสปริงสปา

สำหรับที่นี่เมื่อครั้งแรกเราเคยเข้าไปพักแล้ว  ที่นี่ก็มีบริการน้ำพุร้อนให้แช่เช่นกัน  สำหรับคนที่เช่าที่พักอยู่แล้วก็สามารถเข้าไปแช่ได้  แต่คนภายนอกเข้าไปก็เสียเงินแต่ไม่แน่ใจเท่าไหร่คะ   ก่อนจะไปดูบ่อน้ำพุร้อนท่าปาย  จะพาเข้าไปดูรีสอร์ทที่พัก  ปาย  ฮอท สปริง สปา  อันนี้เป็นรูปเมื่อครั้งแรกที่เราไปพัก มีภาพภายในรีสอร์ทมาให้ดูคะ

ทางเข้ามาจะเห็นที่ให้จอดรถข้างหน้า
  เมื่อเดินเข้ามา จะเห็นข้างๆ เขาทำบ่อเล็กสองข้างให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางแช่น้ำร้อน ซึ่งอุ่นๆ กำลังพอดีเท้าเป็นน้ำจากธรรมชาติ ช่วยให้ผ่อนคลายจากการเดินทาง

แช่น้ำอุ่นๆ กันหน่อย 

บรรยากาศสวนภายใน

ห้องพักที่เราจองประมาณแบบนี้คะ แต่มันก็มีหลายแบบข้างใน 

มุมนั่งเล่นหน้าบ้านพัก

ตรงนี้เป็นทางเดินไปทานอาหาร
มุมนี้หากมองในมุมที่สาวคนนี้นั้งจะเห็นแม่น้ำปายไหลตลอดทาง  มีนาชาวบ้านบรรยากาศดีมากๆ
กลับมาสู่สภาวะปัจจุบัน ^-^  คะหลังจากเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยก็ขี่ไปตามทางเลย ไปเรื่อยๆ ก็จะไปเจอทางแยกก็เลี้ยวซ้ายไปอีก เมื่อขับขี่ไป จะเจอป้ายบอกอุทยานโป่งน้ำร้อนท่าปาย  อยู่ทางขวามือ แต่ตรงป้ายนั้นจะอยู่ตรงทางลงเนินพอดีให้ชะลอระวังอุบัติเหตุด้วยเพราะอยู่ระหว่างทางลงเนิน แล้วต้องเลี้ยวขวาเข้าอุทยาน

อุทยานแห่งชาติโป่งน้ำร้อนท่าปาย

มองตรงมุมนี้จะเห็นนักท่องเที่ยวเอาเต้นท์มากางนอนในอุทยานกัน
บรรยากาศภายในอุทยาน
หลายคนต่างเดินทางมาพักผ่อนที่นี่


หิวก็แวะมาหาอะไรหม่ำได้
โซนน้ำร้อน อุ่น ตามอุณหภูมิแต่ละชั้นแตกต่างกัน
จะมีป้ายบอกแต่ละชั้นว่าร้อนระดับไหน กี่องศา
หลายคนลงไปแช่ เล่นพักผ่อนกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ตามทางก็จะไปถึงยังบ่อน้ำร้อนซึ่งร้อนมาก มีบางบ่อสามารถนำไข่ไปต้มได้  แต่ไม่สามารถลงไปแช่ได้ อันตราย
ทางเดินไปโป่งน้ำร้อน

หลายคนแวะมาเที่ยวชม
และก็มาต้มไข่
หลังจากที่เดินทางเที่ยวทั้งวันแล้ว รากับเพื่อนก็ตกลงใจจะแช่น้ำร้อนไปทุกอุณหภูมิกันเลยทีเดียว  กว่าจะเดินทางกลับได้ก็เล่นซะค่ำเดินทีต้องใช้ไฟฉายส่องทางตลอด แต่ก็สนุกดีได้แช่น้ำแร่จากธรรมชาติดีทีเดียว  มีนักท่องเที่ยวที่ค้างคืนที่อุทยานก็ยังคงแช่อยู่ไม่ได้รีบไปไหน  สงสัยคืนนี้คงจะมีแคมป์ปิ้งกัน แอบอิจฉานิดๆ ^-^  หมดไปอีก 1 วัน

อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สาม 


วันนี้เราตั้งใจจะกลับเข้าเชียงใหม่เพราะไม่อยากรีบเร่งกลับในเข้ากรุงเทพในวันที่ 4 เช้านี้รถออกตอนแปดโมงเช้า  เราจึงรีบตื่นและน้ำรถมาคืนที่ร้านเช่ารถแต่เช้า  และเห็นว่าเวลายังเหลือจึงทานโจ๊ก และกาแฟ ที่ขายอยู่ใกล้ๆ ท่ารถ  ตรงนี้อาหารเช้ามีขายเยอะ เลือกกินได้เลย

โจ๊กร้อนๆ พร้อมด้วยปาท่องโก๋ กาแฟร้อน แจ่มนะคะ ^-^
 
อิ่มอ่าาาา
อย่างที่บอกว่าเราจองที่พักไว้แค่สองคืนสำหรับมาเที่ยวปาย  และวันที่สามเราจึงตัดสินใจเข้าเชียงใหม่เราจึงยังไม่มีที่พัก วันนี้มาถึงขนส่งเชียงใหม่ราวๆ เที่ยง  ตั้งใจว่าจะหาที่พักใกล้ๆ ขนส่งเชียงใหม่  และเราก็เซิร์ทเจอที่นี่  โรงแรมชื่อเซเว่นเดย์   บอกได้คำเดียวว่าชอบมากราคาไม่แพง ใกล้ขนส่งเดินไปได้

โรงแรมเซเว่นเดย์
บรรยากาศภายใน

มุมนั่งเล่น

เมื่อมองออกไปหน้าประตู

หิวมาก็แวะซื้อโจ๊ก มาม่า ไอติมก็มีกินได้ ส่วนกาแฟฟรีถึงเที่ยง

มุมนี้นั่งข้างหลังมองไปจะเห็นมุมของกิน และบรรไดเดินขึ้นไปข้างบนห้องพัก

มุมนี้อยู่ด้านนอกแต่เป็นข้างหลังของโรงแรม  เป็นวิวสวนเล็กๆ

เมื่อมองจากมุมนี้เข้าไปจะเห็นแบบนี้
ที่นี่ราคาโรงแรม 590 บาท เหมาะกับคนชอบที่พักราคาถูก..อยู่ใกล้ขนส่งอาเขต และอเวนิว..เดินมาได้ ห้องพักสะอาดดีคะ

เรามาถึงก็พักเหนื่อยกัน เพื่อนอีกคนที่มาก็รู้สึกเหมือนจะป่วยๆ ก็เลยกินยานอนเล่นอยู่บนโรงแรม  ส่วนเราก็พักเหนื่อยสักพักก็ออกไปหาข้าวหม่ำที่อเวนิว  ตรงขนส่งที่เรามาครั้งแรกคะ

และก็ได้เซตนี้มากิน ข้าวผัดปู กับ น้ำกระเจี๊ยบ
จากนั้นก็ออกสำรวจห้างอเวนิวมีอะไรบ้าง ไม่ได้ไปไหน ตอนค่ำๆ ก็ออกไปเดินกับเพื่อนเล่นๆ โดยเราขึ้นรสองแถวเล็กๆ กับเพื่อนคนละ 50  บาทไปแถวไนท์บาซาร์  จากนั้นเราก็เดินเล่น และเดินไปเรื่อยๆ จนถึงตลาดดอกไม้  เดินเล่นริมน้ำ จากนั้นเมื่อเดินเล่นจนเมื่อยละก็ต่อรถสองแถวเหมาไปร้านหมูกะทะในราคา  120  บาท มั้งถ้าจำไม่ผิด หม่ำกันเป็นอาหารค่ำเลย

กินหมูกะทะที่นี่ก็ช่วยบรรเทาอากาศเย็นๆ ได้
และก็เหมารถสองแถวกลับที่พัก ในราคา  80 บาท  วันนี้ก็หมดไปอีกวัน

สดชื่นในเช้าวันที่ 4 กันคะ 

เช้าวันนี้เรากับเพื่อนก็ต้องแยกกันเพื่อนสาวคนนี้จะไปลุยเดี่ยวเที่ยวเชียงราย  ส่วนเรายังคงมาเที่ยวตัวเชียงใหม  วันนี้ตั้งใจไปไหว้พระขอพร ทำบุญตามวัด   ก็เลยลองหาข้อมูลดูว่าจะเริ่มจากวัดไหนก่อนดี  แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าเราจะเริ่มต้นที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นที่แรกคะ แต่ว่าก่อนจะไปนี่เราต้องทำการเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเสียก่อน  ซึ่งเวลาที่ดิฉันออกก็สิบโมงเช้าได้ ก็เลยนำของไปฝากไว้ที่สถานีขนส่งอาเขต   เพราะที่นี่มีรับฝากกระเป๋า  และค่อยมารับกลับตอนเย็น  ค่าฝากก็ราคา  20 บาท 

แล้วจากนั้นก็นั่งรถสองแถวไปวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร  สองแถวเก็บ  50  บาท  แต่บนรถสองแถวก็มีคนอื่นๆ ขึ้นด้วยเหมือนกัน 

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร


หลังจากไหว้พระในโบถส์ขอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็เลยออกมาเดินเล่นถ่ายภาพรอบบริเวณวัด



รูปปั้นหลวงปู่









เห็นพระท่านนั่งสมาธิข้างๆ ด้วย


ชาวต่างชาติมาเที่ยววัดกันเยอะมาก


ผ่านมาแล้วเที่ยงวันนี้พักผ่อน นั่งเล่นและเดินไปหาอะไรหม่ำนอกวัด ไปไม่ไกลคะ เราไปหาข้าวซอยขึ้นชื่อ ร้านศิริชัย — ที่ ข้าวมันไก่ ข้าวซอย ร้านศิริชัย ศาลากลางเก่าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์

ข้าวซอยอร่อยมาก
หลังจากหม่ำข้าวซอยอิ่มแล้ว  เราก็ไปเที่ยวไหว้พระตามวัดต่อคะ   เดินไปข้างหน้าก็เจอวัดนี้
วัดอินทขีลสะดือเมือง กราบไหว้หลวงพ่อขาวคะ
วัดอินทขีลสะดือเมือง

วัดอินทขีลสะดือเมือง

แล้วไปต่อกันอีกที่วัด ดวงดีวัดนี้ไม่ไกลจากวัดขีลสะดือเมืองเดินไปได้เรื่อยๆ คะ วัดจะติดๆ กันเยอะ
วัดดวงดี

วัดดวงดี

อ่านประวัติกันดู

ไหว้พระขอพรกันคะ
จบจากวัดนี้เราก็ไปต่ออีกที่พระเจดีย์สารีริกธาตุสิริรักษ์

พระเจดีย์สารีริกธาตุสิริรักษ์
 


และสุดท้ายก็ไปเดินเล่นต่อที่ประตูเมืองแถวท่าแพ ที่นี่มีของขายเพียบตลาดเปิดตอนเย็น  เป็นเหมือนจตุจักรทีเดียว

เพิ่มคำอธิบายภาพ

เมื่อเดินเล่นซื้อของจนหายเหนื่อยละ  เราก็เหมาสองแถวในราคา 120 บาทกลับขนส่งอาเขตและเตรียมตัวขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพคะ

หวังว่าเพื่อนๆ หลายคนคงได้ประโยชน์จากการรีวิวของเราไม่มากก็น้อยนะคะ ^-^ 

ความคิดเห็น